สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ขอเรียนข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศไทยของคนไทย ดังนี้

             ทางเลือกที่ ๑ เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษ (Repatriation Flight) ที่จัดโดยสถานเอกอัครราชทูตฯ (สายการบินมาฮาน แอร์) โดยผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าบัตรโดยสารเอง รวมทั้งจะต้องกักตัว ๑๔ วันเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย โดยสามารถเลือกสถานที่กักตัวได้ ดังนี้

                             - กักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้ (State Quarantine - SQ) ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ไม่สามารถเลือกสถานที่ได้ หรือ

                             - กักตัวในสถานที่กักตัวแบบ Alternative State Quarantine (ASQ) ซึ่งสามารถเลือกสถานที่พักเองได้ แต่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

            ผู้ที่เลือกทางเลือกที่ ๑ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

            (๑) แจ้งความประสงค์กลับไทยให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบทางอีเมล์ [email protected] หรือทางไลน์กลุ่ม “ข่าวประชาสัมพันธ์คนไทยในอิหร่าน”

            (๒) ซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน ตามวัน ราคา และช่องทางที่ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตฯ

            (๓) ลงทะเบียนขอรับหนังสือเดินทางเพื่อกลับไทย (Certificate of Entry – COE) ที่ https://coethailand.mfa.go.th โดยกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและแนบไฟล์ภาพหนังสือเดินทางเข้าไปในระบบ โดยผู้เดินทางจะได้รับหมายเลขอ้างอิง ๖ หลัก เพื่อใช้ในการเข้าระบบเพื่อเพิ่มเติมข้อมูลและดาวน์โหลดหนังสือรับรองได้ในภายหลัง

            (๔) ขอรับใบรับรองแพทย์ Fit to Fly และผลการตรวจว่าไม่มีเชื้อโควิด-๑๙ โดยวิธี RT-PCR Test ที่มีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทาง ตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตฯ 

             ทางเลือกที่ ๒ เดินทางด้วยเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ โดยผู้เดินทางสามารถเลือกวันเดินทาง และเส้นทางเดินทางกลับไทยได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดความคล่องตัว และมีความยืดหยุ่นในการเดินทางมากขึ้น

             การเดินทางด้วยเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ ผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าบัตรโดยสารเอง รวมทั้งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเรื่องสถานที่กักตัว ๑๔ วันใน Alternative State Quarantine (ASQ)

             ในการเดินทางกลับประเทศไทยตามทางเลือกที่ ๒ ผู้เดินทางคนไทยจะต้องปฏิบัติตาม ขั้นตอนการดำเนินการก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ดังนี้

             ๑.ลงทะเบียนขอหนังสือรับรองการเดินทาง (Certificate of Entry - COE) ที่ https://coethailand.mfa.go.th โดยกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและแนบไฟล์ภาพหนังสือเดินทางเข้าไปในระบบ โดยผู้เดินทางจะได้รับหมายเลขอ้างอิง ๖ หลัก เพื่อใช้ในการเข้าระบบเพื่อเพิ่มเติมข้อมูลและดาวน์โหลดหนังสือรับรองได้ในภายหลัง

             ๒.จัดหาบัตรโดยสารเครื่องบินจากสายการบินทั่วไป และจองสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) โดยจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง โดยสามารถดูข้อมูล ASQ ได้ที่ hsscovid.com

             ๓.จัดหาใบรับรองแพทย์ Fit to Fly และผลการตรวจว่าไม่มีเชื้อโควิด-๑๙ โดยวิธี RT-PCR Test ที่มีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทาง ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาล/คลินิกกับสายการบินที่ผู้เดินทางใช้เดินทางเข้าประเทศไทย

             ๔.เข้าระบบลงทะเบียนอีกครั้ง โดยใช้เลข ๖ หลักที่ได้รับตามข้อ ๑ เพื่อแนบสำเนาบัตรโดยสารเครื่องบินและหลักฐานการจอง ASQ เพิ่มเติมในระบบลงทะเบียนในเมนู “ยืนยันเดินทาง” ภายใน ๑๕ วันนับจากวันที่ได้รับอนุมัติการลงทะเบียน

             ๕.หากเอกสารครบถ้วน สถานเอกอัครราชทูตฯ จะออกหนังสือรับรองการเดินทาง (COE) ซึ่งผู้เดินทางสามารถดาวน์โหลด COE ได้จากเว็บไซต์ลงทะเบียน โดยสามารถตรวจสอบผลและดาวน์โหลด COE ได้ที่เมนู “ตรวจสอบผล”

             ไม่ว่าจะเลือกทางเลือก ๑ หรือ ๒ ในวันเดินทาง ผู้เดินทางจะต้องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อแสดงต่อสายการบินที่เคาน์เตอร์เช็คอิน และด่านควบคุมโรค ณ ท่าอากาศยาน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ดังนี้

                   - หนังสือเดินทาง (Passport)

                   - หนังสือรับรองฯ (COE) ที่ลงนามยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข/ข้อกำหนดของราชการไทย

                   - ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate) และใบรับรองแพทย์ ซึ่งแสดงผลการตรวจแบบ RT-PCR ยืนยันว่าผู้เดินทางเป็นผู้ปลอดเชื้อ โควิด–๑๙ อายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

                   - หลักฐานยืนยันการจอง ASQ ที่ระบุวันเข้าพักในวันที่เดินทางถึงประเทศไทย (กรณีเลือกทางเลือกที่ ๒)

                   - แบบฟอร์ม ต.๘

                                    --------------------------------------------------

                                                                   สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน

                                                                           ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓